ในคืนวันที่ผมเดินทางกลับบ้าน ซึงผมก็จำไม่ได้ว่ามันเป็นวันอะไรหรือวันที่เ่ท่าไร แต่มันเป็นวันที่ผมรู้สึกกระฉุ่มกระฉวยโหยหาความรู้สึกเดิมๆอีกครั้งหนึ่ง ผมอยากกลับบ้าน กลับไปเติมไฟชีวิต กลับไปเห็นหน้าคนที่เรารักเราคิดถึง กลับไปโอบกอดเพื่อนที่ดีที่สุดของเรา ผมขึ้นรถเวลาโดยสารเวลาเที่ยงคืนกว่า ผมนอนหลับๆตื่นๆ ซึ่งไม่แปลก เป็นประจำเวลาโดยสารรถบัสตอนกลางผมมักนอนไม่หลับ เพราะแสงไฟข้างทาง เสียงเครื่องยนต์ เสียงแอร์ หรือไม่ชินกับคนแปลกหน้าที่นั่งข้างผม หลังจากถึงสถานีผู้โดยสารของนครชัยแอร์ ผมก็เดินทางไปขึ้นรถตู้ที่อนุสาวรีย์ ในใจผมตุ่มๆต่อมๆ เพราะก่อนหน้านั้นแม่และพี่สาวโทรหาบอกผมเรื่องหมาตัวหนึ่งที่ผมรักมากที่สุด (ยืนยันว่ารักมากที่สุด) ป่วย กินข้าวไม่ได้ ผมก็ได้แต่ดูรูปเจ้า "กระท้อน" หมาของผมในโทรศัพท์และภาวนาขอให้เขาหายดี อยู่กับผมไปนานๆ แม้ใจผมจะหวาดหวั่นอยู่บ้าง เพราะกระท้อน มีอายุถึง 11 ปี อยู่กับผมมาตั้งแต่ผมอยู่ชั้นป.6 จนตอนนี้ผมอายุเหยียบ 20 แล้ว
จนกระทั่งผมกลับถึงบ้าน สิ่งที่ผมถามหาจากแม่คือกระท้อน แล้วผมก็ช็อค แม่บอกว่ากระท้อนจากไปแล้ว จากไปเมื่อคืนวาน ผมช็อค ผมทำอะไรไม่ได้ ผมอยากร้องไห้ ผมก็ไม่กล้า ผมทำทุกสิ่งทุกอย่างต่อไปอย่างปกติ เก็บข้าวของในห้อง แต่ข้างในใจผมคงจะเป็นมหาสมุทรแห่งน้ำตาเลยก็ว่าได้ ข่าวร้ายสำหรับผมนั้นยังไม่พอ เมื่อแม่บอกว่าฝังกระท้อนไว้ที่ไร่ ผมเสียใจมาก มากถึงมากที่สุด ได้แต่บ่นกับแม่ว่าทำไมไม่ฝังที่บ้าน ผมคิดว่ากระท้อนคงอยากอยู่กลับเราที่บ้านมากกว่าที่ไร่ แต่ก็ได้รับคำตอบจากพ่อหลังจากพ่อกลับมาบ้านว่า อยากจะฝังที่บ้านอยู่เหมือนกัน แต่ขุดดินไม่ไหว ดินแข็งมาก แต่พอก็สัญญาว่าจะทำหลุมกระท้อนให้ดีที่สุด เพราะกระท้อนอยู่กลับครอบครัวเรามานานมาก ตั้งแต่บ้านเก่าจนกระทั่งบ้านใหม่
จากการที่เสียกระท้อนไป ผมได้แต่คิดถึงกระท้อนเสมอ แล้วคิดว่าตอนนี้กระท้อนอยู่ที่ไหน สบายดีไหม ลำบากไหม วิญญาณกระท้อนจะอยู่ที่้บ้านเราหรือว่าอยู่ที่ไร่ ผมเฝ้าอ้อนวอนในใจถึงปู่ย่าตายายที่ล่วงลับไปแล้วว่า ให้พากระท้อนกลับมาอยู่บ้านเราด้วย กลับมาอยู่บ้านเรา มาวิ่งเล่นในบ้านเรา แม้เวลาให้อาหารกับหมาอื่นๆตัวที่เหลือ หรือเวลาผมกินข้าว ผมก็จะเรียกกระท้อนมาอยู่ด้วย ผมทำเช่นนี้ทุกวัน และผมก็จะทำมันทุกวันตลอดไป ผมยังจำภาพกระท้อน หมาพุดเดิ้ลตัวน้อยวัย 2 เดือน ที่พี่สาวเอามาเลี้ยงที่บ้านได้ เราต้องชื่อกระท้อนเพราะว่าพี่ชายของกระท้อนนั้นชื่อกระเทียม คืนแรกกระท้อนนอนร้องบนชั้นบนสุดของบันได้ทั้งคืน เพราะกลัวอยากอยู่กลับคน เราเคยพากระท้อนไปวิ่งเล่นในวังบ้านปืนตอนเย็น เคยพานั่งมอเตอร์ไซค์ไปกลับเรา เราพากระท้อนไปผสมพันธุ์กับหมาพันธุ์เดียวกันชื่อ เจ้าแม็กซ์ ที่้ร้านโจ๊กบ้านของเจ้าแม็กซ์ กระท้อนมีลูกทั้งหมด5 ตัว ตัวผู้1ตัว ตัวเมีย4ตัว สีน้ำตาลอ่อน2ตัว สีน้ำตาลเข้ม2ตัว และสีขาว1ตัวซึ่งเป็นน้องสุดท้อง เมื่อครั้งที่กระท้อนเจ็บท้อง ทั้งแม่และพี่สาวก็ตาลีตาเหลือกกลัวกระท้อนจะเป็นอะไร เพราะไม่เคยเลี้ยงหมา ก่อนหมอจะอัลตราซาวน์แล้วให้กลับมาคลอดที่บ้าน กระท้อนคลอดลูกที่ห้องใต้บันได้(ซึ่งเป็นห้องแต่งตัว) เรายกนี้ให้กระท้อน
ลูกตัวแรกของกระท้อนเป็นตัวผู้ สีน้ำตาลเข้มชื่อ ลูกตาล เราเลี้ยงลูกตาลไว้ ซึ่งลูกตาลได้จากโลกนี้ไปแล้วก่อนแม่ของลูกตาล ตาลเป็นหมาที่น่ารัก ขี้อ้อน แล้วชอบขี้ติดตูดด้วย ต้องฉีดล้างให้เป็นประจำ
ลูกตัวที่สองของกระท้อนเป็นตัวเมียสีน้ำตาลอ่อน(จำชื่อไม่ได้) เรายกให้ผู้กองในค่ายทหารไปเลี้ยง
ลูกตัวที่สามของกระท้อน เป็นตัวเมียสีน้ำตาลเข้ม ชื่อตุ๊กติ๊ก เราก็เลี้ยงเอาไว้ ตอนนี้ตุ๊กติ้กยังอยู่ เป็นทั้งหมาขี้อายแล้วก็ขี้อ้อนในเวลาเดียวกัน ตุ๊กติ๊กเตี้ย อ้วน ป้อม เหมือนกระท้อน แล้วชอบโดนกระท้อนข่มอยู่บ่อยๆ
(ตุ๊กติ๊ก)
ลูกตัวที่สี่ของกระท้อน เป็นตัวเมียสีน้ำตาลอ่อน ชื่อว่าป๊อกแป๊ก เป็นหมาน่าสงสาร เคยพามันไปหาหมอเพราะมันอึไม่ออก ตอนแรกบ้านเราจะเลี้ยงไว้ แต่ญาติทางฝั่งแฟนพี่สาวก็ขอไปเลี้ยงแล้วก็เปลี่ยนชื่อเป็น จิ๊กซอว์ ตั้งแต่เราย้ายบ้านมาก็ไม่เคยเจอจิ๊กซอว์อีกเลย
ลูกตัวสุดท้ายของกระท้อนชื่อแมวเหมียว เป็นตัวเมีย สีขาวเหมือนกระท้อน ขี้โรคหน่อยๆ เราตั้งชื่อแมวเหมียวเพราะ กระท้อนแม่ของแมวเหมียวนั้นชอบจับหนู เลยตั้งชื่อให้เป็นแมวซะเลย ตอนนี้แมวเหมียวยังอยู่ที่บ้านของเรา แต่ตาบอดข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างมองไม่ค่อยเห็น แม่มักเอาแมวเหมียวนอนไว้ในครัว เพราะมันเคยเดินหลงออกไปข้างนอกมั่วซั่วครั้งหนึ่งแล้ว แม่ไม่อยากให้มันหายไป เพราะมันคงกลับบ้านไม่ถูกแน่ๆ ซึ่งปกติแมวเหมียวก็นอนอยู่ในครัวไม่ค่อยออกไปใหน
แมวเหมียว(โดนอาบน้ำ)
เพราะเสียกระท้อนไป ทำให้ผมเข้าใจได้อย่้างหนึ่งว่าการเสียคน หรืออะไรก็ตามที่เรารักมากที่สุดเป็นอย่างไร ทำไมบางคนถึงโหยหาถึงคนที่จากไป ทำไมบางคนเสียใจมากถึงต้องใช้เวลาช่วยเยียวยาจิตใจที่บอบช้ำ และเป็นครั้งแรกที่ผมได้รู้รสชาติและเข้าใจสัจจธรรมอย่างหนึ่งของความสูญเสียได้ชัดเจนที่สุด ในช่วงแรกๆ ผมได้แต่เฝ้าหลอกตัวเองแล้วแกล้งลืมว่าคนที่เรารักจากไปแล้ว แต่ก็เท่านั้นล่ะครับ ไม่นานผมก็คิดถึงมันอีกครั้งหนึ่ง ผมรู้สึกอยากกลับไปใหนช่วงเวลาเก่าๆของชีวิตไม่อยากโต อยากหยุดเวลาไว้อย่างนั้น แต่ชีวิตก็คือชีวิตครับ ซึ่งที่ัขับเคลื่อนชีวิตและสังขารเราคือเวลา ในอนาคตเราอาจโตขึ้นแต่เราปฏิเสธไม่ได้ว่าเราจะต้องสูญเสียคนที่เรารักคนอื่นไปแน่นอน เราเกิืดมาบนโลกนี้เพื่อมาเติมเต็ม รับรู้ สิ่งที่เราอาจจะไม่เคยได้รับในชาติก่อนๆ พวกเราไขว่คว้าหาความสุข แต่ถ้าเรานึกลองดูอีกทีไม่มีอะไรเป็นความสุขได้เท่ากับการเข้าใจชีวิต และความสุขที่ดีที่สุดคือการนิพพาน(การที่เราไม่ต้องเผชิญกับความทุกข์ใดๆ)
(กระท้อนตอนไม่สบาย เพิ่งผ่าตัดเสร็จ ห้ามอาบน้ำ)
จูดี้ ตัวนี้ก็แก่แล้ว แต่น้อยกว่ากระท้อนนิดหนึ่ง (ร็อตไวเลอร์ผสมพุดเดิ้ล จริงๆ)
น้ำหวาน น่ารักไม่เคยกัดใครเลย ขี้เซามาก ขี้อ้อนมากด้วย
ไข่หวาน โดนอาบน้ำ
ตัวเล็ก ชิสุผสมชิวาวา ตัวแสบของบ้าน
** กระท้อนเสียวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2555